การขับรถลุยน้ำท่วมในช่วงหน้าฝนนั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับหลายคน จึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังกว่าการขับรถปกติ เพราะน้ำท่วมนั้นอาจส่งผลให้รถเสียหายหรือเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ในบทความนี้ Maxi จึงได้รวบรวมข้อควรระวังและวิธีการขับรถในสภาพน้ำท่วมมาฝากกัน เพื่อให้คุณสามารถขับรถลุยน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัยต่อเครื่องยนต์และตัวคุณเอง!
วิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย
1. สำรวจเส้นทางและระดับน้ำท่วมก่อนออกเดินทาง
ก่อนที่จะต้องเดินทางด้วยการขับรถขณะน้ำท่วม ควรศึกษาข้อมูลสภาพการจราจรและระดับน้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีระดับน้ำท่วมสูงมาก หรือมีกระแสน้ำไหลแรง จึงควรวางแผนเส้นทางให้รอบคอบ เลือกถนนที่ปลอดภัยและมีระดับน้ำท่วมต่ำที่สุด
2. รักษาความเร็วคงที่และขับช้า ๆ ขณะลุยน้ำท่วม
การขับรถด้วยความเร็วสูงจะทำให้เกิดกระแสน้ำที่รุนแรง ซึ่งอาจดันน้ำเข้าไปในห้องเครื่องยนต์ได้ ดังนั้น ควรขับรถด้วยความเร็วต่ำและคงที่ประมาณ 10-15 กม./ชม. เท่านั้น เพื่อให้ควบคุมรถได้ง่ายและไม่ให้น้ำพุ่งกระแทกเข้าเครื่องยนต์ และหลีกเลี่ยงการขับตัดกระแสน้ำโดยตรง รวมถึงเวลาต้องเลี้ยวรถให้ชะลอความเร็วลงให้ช้ากว่าปกติ เพื่อป้องกันน้ำเข้าเครื่องยนต์
3. รักษาระยะห่างจากรถคันอื่น ๆ ให้มากพอสมควร
ในการขับรถลุยน้ำท่วมควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้พอสมควร ประมาณ 4-5 เท่าของระยะปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำที่อาจพุ่งใส่จากรถคันหน้า รวมถึงรักษาระยะห่างด้านข้างจากรถคันอื่น ๆ เพื่อให้มีพื้นที่จอดฉุกเฉินหากจำเป็น
4. ปิดแอร์รถยนต์เมื่อเจอน้ำท่วม
เพราะการเปิดแอร์ขณะลุยน้ำท่วมจะทำให้พัดลมระบายความร้อนของหม้อน้ำทำงาน และหากระดับน้ำท่วมสูงมาก พัดลมอาจพัดน้ำให้เข้าสู่ห้องเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ หรือในกรณีของรถยนต์ไฟฟ้าหรือไฮบริด อาจส่งผลให้เกิดไฟฟ้าช็อตและเสียหายได้ ดังนั้น การปิดแอร์รถยนต์ระหว่างลุยน้ำท่วมจะช่วยลดความเสี่ยงและลดความเสียหายในส่วนนี้ได้
5. ใช้เกียร์ต่ำ ช่วงที่ต้องขับรถลุยน้ำท่วม
การใช้เกียร์ต่ำในขณะขับรถกลางน้ำท่วมจะช่วยลดโอกาสในการดับของเครื่องยนต์ได้ สำหรับรถเกียร์ธรรมดา ควรใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 ส่วนรถเกียร์อัตโนมัติ ควรใช้เกียร์ L (Low) ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นในสภาพน้ำท่วม
6. เมื่อมีรถสวนทาง ให้ขับช้าลงไปอีก
เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วมบนถนนสองเลน และมีรถยนต์วิ่งสวนทางมาจากด้านตรงข้าม จำเป็นต้องลดความเร็วลงอีกจากความเร็วต่ำที่ใช้ขณะลุยน้ำท่วมปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงการสาดกระเซ็นของน้ำจากรถคันตรงข้าม เพราะหากความเร็วมากเกินไปอาจทำให้น้ำพุ่งกระเด็นและคลื่นกระทบกันอย่างแรง ส่งผลให้เสียการควบคุมรถได้ง่ายหรือเกิดอุบัติเหตุได้
7. ควรย้ำเบรกหรือคลัตช์เพื่อไล่น้ำออกจากระบบ
หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมแล้ว สิ่งที่ควรทำเพื่อดูแลรักษารถให้ปลอดภัยและคงสภาพพร้อมใช้งาน คือการย้ำเบรกหรือคลัตช์ เพื่อช่วยไล่น้ำออกจากระบบต่างๆ ของรถ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ควรย้ำคลัตช์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อช่วยไล่น้ำออกจากคลัตช์ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการคลัตช์ลื่นได้ง่าย
- สำหรับรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ให้ย้ำเบรกหลายๆ ครั้งขณะขับ เพื่อช่วยไล่น้ำออกจากระบบเบรก ซึ่งจะทำให้เบรกยังคงประสิทธิภาพและทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ
8. ระวังไม่ให้น้ำเข้าท่อไอเสีย
หากน้ำเข้าไปในท่อไอเสีย จะทำให้กระบวนการไหลเวียนของก๊าซไอเสียผิดปกติ ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับทันที เพราะก๊าซไอเสียไม่สามารถไหลออกจากห้องเผาไหม้ได้ตามปกติและไหลย้อนกลับเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ทำให้เกิดแรงดันสูงผิดปกติภายในกระบอกสูบ อาจส่งผลให้เครื่องยนต์เสียหายได้
9. หากเครื่องยนต์ดับกลางทาง อย่าสตาร์ตรถใหม่
หากรถของคุณเกิดดับกลางน้ำท่วม อย่างแรกเลยคือการตั้งสติ เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เข็นรถเข้าข้างทางให้พ้นจากระดับน้ำสูงหรือในบริเวณที่ปลอดภัยแล้วทำการเปิดฝากระโปรงรถเพื่อตรวจสอบเบื้องต้นว่าสาเหตุที่รถดับเกิดจากอะไร อย่าพยายามสตาร์ตรถในน้ำ เพราะอาจทำให้น้ำเข้าไปในเครื่องยนต์และเกิดความเสียหายได้
10. ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันทีหลังจากขับผ่านน้ำท่วม
เมื่อขับรถผ่านพ้นจุดน้ำท่วมขังได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือให้ควบคุมความเร็วที่ต่ำและยังคงเหยียบคันเร่งหรือคลัตช์ไปด้วยอีกสักพัก เพื่อเป็นการไล่ความชื้นออกจากเครื่องยนต์ และไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันทีหลังจากลุยน้ำท่วมเสร็จ เพราะอาจมีน้ำค้างอยู่ที่ท่อไอเสียและไหลย้อนกลับเข้าไปในเครื่องยนต์ได้
การขับรถลุยน้ำท่วมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะอาจส่งผลเสียต่อรถยนต์และความปลอดภัยได้ง่าย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของรถ และการขับขี่อย่างระมัดระวัง จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสภาพรถของคุณให้วิ่งได้อย่างยาวนานและปลอดภัย นอกจากนี้การดูแลรักษารถหลังจากขับลุยน้ำท่วมก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกันด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
วิธีดูแลรถหลังขับลุยน้ำท่วม
1.สังเกตและตรวจสอบระบบช่วงล่างรถอย่างละเอียด
หากพบนอตหรือสลักหลุดหลวมให้รีบซ่อมแซมทันที รวมถึงตรวจสอบประสิทธิภาพของเบรกด้วย โดยเบรกรถหลาย ๆ ครั้งขณะขับช้า ๆ เพื่อระบายความชื้นหรือน้ำที่อาจเข้าไปในระบบเบรกได้
2. ตรวจเช็กน้ำมันเครื่องอีกครั้ง
หากพบว่าน้ำมันเครื่องเจือจางหรือเปลี่ยนสีให้รีบเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทันที เพราะหลังจากลุยน้ำท่วมอาจมีน้ำเข้าไปปนกับน้ำมันเครื่อง ซึ่งจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นรวมถึงเครื่องยนต์อาจเกิดสนิมได้ นอกจากนี้ก่อนเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรล้างคราบน้ำมันเครื่องหลังจากลุยน้ำท่วมทุกครั้งเพื่อทำความสะอาดเครื่องยนต์ทั้งคราบตะกอนและน้ำ
3. ขับรถไปตรวจสภาพที่ศูนย์บริการ
แม้ว่าคุณจะทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสที่น้ำท่วมอาจทำให้เกิดความเสียหายกับรถได้ เช่น น้ำเข้าระบบไฟฟ้า ดังนั้นหลังจากผ่านน้ำท่วม ขอแนะนำให้นำรถเข้าตรวจสอบสภาพกับช่างผู้เชี่ยวชาญที่ศูนย์บริการหลังจากนั้นไม่นาน
การขับรถในช่วงหน้าฝนและน้ำท่วมขังมีความเสี่ยงสูง แต่หากคุณระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ ก็จะสามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับรถยนต์และตัวคุณเองได้นะครับ!
.
มาสัมผัสประสบการณ์ในการขับเคลื่อนสู่โลกใหม่ไปด้วยกัน!
Website : www.maxiinno.com
Tel : 02 157 1555 / 02 157 1556
Tiktok : www.tiktok.com/@maxithailand
Comments